การออกแบบพื้น POST TENSION เพื่อรับแรงด้านข้าง
อาคารคอนกรีตนอกจากจะต้องออกแบบให้สามารถรับน้ำหนักบรรทุกในแนวดิ่งแล้ว ยังจำเป็นต้องออกแบบให้สามารถรับแรงด้านข้างที่เข้ามากระทำตลอดอายุการใช้งานของอาคารด้วย แรงด้านข้างที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะเกิดจาก
1. แรงจากแผ่นดินไหวที่กฏหมายจะระบุตามบริเวณและลักษณะการใช้งานของอาคาร
2. แรงลมที่ระบุตามกฎหมาย
รูปภาพ อาคารที่ถล่มจากแผ่นดินไหว
1. แรงแผ่นดินไหว
รูปภาพ แผนที่ภัยพิบัติแผ่นดินไหวประเทศไทย
ในการคำนวณค่าแรงแผ่นดินไหวที่กระทำกับอาคาร ตามกฎกระทรวง กำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคารและพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ.2552
อันดับแรกจะต้องจำแนกรูปทรงของอาคาร โดยอาคารที่มีรูปทรงสม่ำเสมอและไม่อยู่ในบริเวณเฝ้าระวังตามที่ระบุไว้ในกฎกระทรวงข้อที่ 6 สามารถคำนวณแรงแผ่นดินไหวด้วยวิธีสถิตยศาสตร์ได้ ส่วนอาคารที่มีรูปทรงไม่สม่ำเสมอ จะต้องใช้วิธีการคำนวณเชิงพลศาสตร์หรือวิธีอื่นที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางทฤษฎีเชิงพลศาสตร์ ซึ่งสามารถดูได้จาก มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว (มยผ.1302) โดยใน มยผ.1302 ก็มีทั้งวิธีแรงสถิตเทียบเท่าและวิธีเชิงพลศาสตร์ โดยวิธีการวิเคราะห์โครงสร้างเพื่อคำนวณผลของแรงแผ่นดินไหวที่อนุญาตให้ใช้ได้ (แสดงดังตาราง 2.7-1 หน้าที่ 48) ในมาตรฐาน
รูปภาพ แผนที่ภัยพิบัติแผ่นดินไหวประเทศไทย
รูปภาพ แผนที่ภัยพิบัติแผ่นดินไหวประเทศไทย
ตารางที่ 2.7-1 วิธีการวิเคราะห์โครงสร้างเพื่อคำนวณผลของแรงแผ่นดินไหวที่อนุญาตให้ใช้ได้
ส่วนการให้รายละเอียดโรงสร้างจะกำหนดว่า ประเภทของอาคารที่อยู่ในบริเวณเฝ้าระวังและบริเวณที่ 1 ในข้อ 3(1) กับประเภทของที่อยู่ในบริเวณที่ 2 ในข้อ 3(2) จะต้องจัดให้โครงสร้างทั้งระบบอย่างน้อยให้มีความเหนียวเทียบเท่าความเหนียวจำกัด (LIMITED DUCTILITY) ตามมาตรฐานประกอบการออกแบบอาคารเพื่อต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว (มยผ.1301-54) ที่ออกโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง
LINK DOWNLOAD
รูปภาพ รอยเลื่อนมีพลังในประเทศไทย ที่อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหว
2. แรงลม
ในการคำนวณค่าแรงลมกฎกระทรวงฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ระบุไว้ในข้อที่ 17 ดังนี้
รูปภาพ แรงลมปะทะอาคารในรูปแบบต่าง ๆ
“ข้อ 17 ในการคำนวณออกแบบโครงสร้างอาคาร ให้คำนึงถึงแรงลมด้วย หากจำเป็นต้องคำนวณและไม่มีเอกสารรับรองโดยสถาบันที่เชื่อถือได้ ให้ใช้หน่วยแรงลม ดังต่อไปนี้”
ในการนี้ยอมให้ใช้ค่าหน่วยแรงที่เกิดขึ้นฝนส่วนต่าง ๆ ของอาคาร ตลอดจนความต้านทานของดินใต้ฐานรากเกินค่าที่กำหนดไว้ในกฏกระทรวงนี้ได้ร้อยละ 33.3 แต่ทั้งนี้ต้องไม่ทำให้ส่วนต่างๆ ของอาคารนั้นมีความมั่นคงน้อยไปกว่าเมื่อคำนวณตามปกติโดยไม่คิดแรงลม
สำหรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรี่อง ควบคุมอาคาร พ.ศ.2544 กล่าวถึงไว้ในหมวด 10 กำลังวัสดุและน้ำหนักบรรทุก ข้อ 109 ไว้ดังนี้
“ข้อ 109 ในการคำนวณออกแบบโครงสร้างอาคาร ให้คำนึงถึงแรงลมด้วย หากจำเป็นต้องคำนวณและไม่มีเอกสารรับรองโดยสถาบันที่เชื่อถือได้ ให้ใช้หน่วยแรงลมตามตาราง ดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ ยอมให้ใช้ค่าหน่วยแรงที่เกิดขึ้นในส่วนต่างๆ ของอาคารตลอดจนความต้านทานของดินใต้ฐานรากเกินค่าที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัตินี้ได้ร้อยละ 33.30 แต่ต้องไม่ทำให้ส่วนต่างๆ ของอาคารนั้นมีความมั่นคงน้อยไปกว่าเมื่อคำนวณตามปกติโดยไม่คิดแรงลม
ในปี 2550 กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ได้ออก มาตรฐานการคำนวณแรงลมและการตอบสนองของอาคาร (มยผ.1311-50) ซึงทำให้การคำนวณแรงลมมีความถูกต้องตามมาตรฐานสากลมากขึ้น โดยมีให้เลือกทั้งวิธีอย่างง่าย และวิธีอย่างละเอียด และเป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากในการคำนวณแรงลมที่กระทำต่ออาคารในปัจจุบัน
LINK DOWNLOAD มยผ. 1311-50
แผนที่ความเร็วลมของประเทศไทยที่ระดับความสูง 40 เมตร
เรียบเรียงโดย
ภาคภูมิ วานิชกมลนันท์ [วย. 1924]
ขอบคุณแหล่งที่มารูปภาพ และวีดีโอ
- สัก ศิลา ข่าวอิสระ Youtube channel
- Rheologic GmbH Youtube channel
- https://geonoi.wordpress.com/
- http://edition.cnn.com/
- https://giphy.com/explore/anatech
- http://blogs.autodesk.com/bim-and-beam
ดาวน์โหลดรายการคำนวณ
DownloadPDF
แชร์เกร็ดความรู้ : Share knowledge